[et_pb_section fb_built=”1″ theme_builder_area=”post_content” _builder_version=”4.14.7″ _module_preset=”default”][et_pb_row _builder_version=”4.14.7″ _module_preset=”default” theme_builder_area=”post_content”][et_pb_column _builder_version=”4.14.7″ _module_preset=”default” type=”4_4″ theme_builder_area=”post_content”][et_pb_text _builder_version=”4.14.7″ _module_preset=”default” theme_builder_area=”post_content” hover_enabled=”0″ sticky_enabled=”0″ header_2_font_size=”24px”]

แม้แต่มือใหม่ในการดูแลผิวก็รู้ว่าหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่สําคัญที่สุดที่จะรวมไว้ในกิจวัตรประจําวันคือมอยเจอร์ไรเซอร์ ซึ่งการทามอยเจอร์ไรเซอร์นั้นเป็นสิ่งสําคัญอย่างยิ่งสําหรับใบหน้า เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกทำร้ายจากสิ่งรบเร้าภายนอกรวมถึงมลภาวะต่างๆ มากที่สุด ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดของริ้วรอยผิวและความเสียหายจากแสงแดดอีกด้วย

มอยเจอร์ไรเซอร์มักถูกผลิตมาในรูปแบบของครีมหรือโลชั่น แต่อาจพบเป็นขี้ผึ้งหรือบาล์มก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ว่ามอยเจอร์ไรเซอร์ในรูปแบบใด ๆ ที่กล่าวถึงมาทั้งหมด ประโยชน์สำคัญก็คือช่วยบํารุงผิวให้ผิวชุ่มชื้น หรือล็อคความชุ่มชื้น ด้วยเหตุผลนี้มอยส์เจอไรเซอร์มักจะมีปริมาณน้ำที่สูงควบคู่ไปกับส่วนผสมอื่น ๆ ที่ช่วยเสริมประโยชน์ที่นอกเหนือจากนี้ให้กับผิวเพิ่มเติม เช่น ผิวกระจ่างใส, เรียบเนียน, และผ่อนคลาย แต่สกินแคร์แบบนี้ ส่วนใหญ่จะช่วยบำรุงเฉพาะผิวชั้นบนเท่านั้น

ส่วนผสมหลักสี่ประเภทใช้ทํามอยเจอร์ไรเซอร์ มีดังนี้

Emollients –เช่น กลีเซอรีน ช่วยบำรุงในรอยแตกและทําให้ผิวเรียบเนียน

Occlusives – เช่น เจลปิโตรเลียม ช่วยในการล็อคความชุ่มชื้นเพื่อปกป้องผิวหนัง 

Humectants – เช่น กรดไฮยาลูโรนิก ที่ช่วยดึงความชื้นเข้าสู่ชั้นผิวที่ลึกขึ้น 

Barrier repairers – เช่น เซราไมด์ที่ช่วยรักษาและบํารุงผิวที่เสียหายทําให้คืนสู่สภาพที่ดีขึ้น

ซึ่งมอยส์เจอไรเซอร์เกาหลีจะมีส่วนผสมเหล่านี้ร่วมกันในสูตรเพื่อจัดการกับปัญหาผิวบางอย่าง เช่นโทนสีผิวที่ไม่สม่ําเสมอและผิวหมองคล้ำและแห้งตึง นี่คือเหตุผลที่คุณควรใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นประจํา ให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรการดูแลผิวหน้าของคุณ 

ประโยชน์ของมอยส์เจอไรเซอร์ 

ผิวของเรามีหลายชั้น ด้านบนสุดจะเต็มไปด้วยเซลล์ผิวที่ตายแล้วในขณะที่ชั้นด้านล่างเป็นที่จัดเก็บความชุ่มชื้น ถึงแม้ว่าเมื่อผิวดูชุ่มชื้นดี แต่ผิวของคุณก็ยังมีแนวโน้มที่จะแห้งจากการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในสภาพอากาศหนาวเย็นและร้อน เมื่อคุณมีผิวหน้าที่แห้ง จะส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูไม่สดใส เพราะความแห้งกร้านจะทําให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและทําให้มีแนวโน้มที่จะเกิดสิวมากขึ้น มอยเจอร์ไรเซอร์บํารุงผิวหน้าจึงมีส่วนช่วยดูดซึมและล็อคความชุ่มชื้นที่ช่วยลดความแห้งกร้านและทําให้ผิวดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดีขึ้น เนื่องจากความชุ่มชื้นช่วยให้เซลล์ผิวอวบอิ่ม เติมเต็มร่องผิว และทําให้ริ้วรอยเรียบเนียนขึ้น เมื่อผิวมีสุขภาพดีก็จะดูอ่อนเยาว์มากขึ้น และยังช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพความมั่นใจให้กับเราด้วย 

[/et_pb_text][et_pb_image src=”https://yeowang.co/wp-content/uploads/2022/04/woman-holds-jar-with-cosmetic-cream-her-hands.jpg” _builder_version=”4.14.7″ _module_preset=”default” theme_builder_area=”post_content” title_text=”woman holds a jar with a cosmetic cream in her hands. skin care” hover_enabled=”0″ sticky_enabled=”0″][/et_pb_image][et_pb_text _builder_version=”4.14.7″ _module_preset=”default” theme_builder_area=”post_content” hover_enabled=”0″ sticky_enabled=”0″ header_2_font_size=”24px” header_3_font_size=”24px”]

วิธีการใช้มอยส์เจอไรเซอร์บํารุงผิวหน้า 

มอยเจอร์ไรเซอร์ถือว่าเป็นส่วนสําคัญของกิจวัตรการดูแลผิวที่ควรใช้ทุกวันทั้งเช้าและเย็น แต่ควรจำไว้ว่าควรใช้หลังจากทําความสะอาดผิวหน้าอย่างหมดจดแล้ว และควรใช้ในขณะที่ใบหน้ายังมีความชื้นอยู่เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ ซึ่งจะทําให้ผิวดูนุ่มนวลและมีสุขภาพดีขึ้น แนะนําให้ใช้เซรั่มทาก่อนมอยเจอร์ไรเซอร์ เนื่องจากเซรั่มมีน้ำหนักที่เบากว่าและสามารถช่วยกระตุ้นผิวให้ดีขึ้นได้

ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามของเกาหลีแนะนําการใช้ผลิตภัณฑ์บํารุงผิวอย่างอ่อนโยนกับใบหน้า ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องถูมอยเจอร์ไรเซอร์ลงบนใบหน้าของคุณอย่างรุนแรง ในขั้นแรกให้อุ่นครีมในฝ่ามือของคุณโดยการทาและถูระหว่างนิ้วมือและฝ่ามือของคุณก่อนที่จะลงครีมไปที่ใบหน้า นอกจากนี้ยังช่วยในการละลายส่วนผสมที่มีเนื้อสำผัสที่ข้นหนืดหรือจับตัวเป็นก้อนๆ ให้เกลี่ยง่ายมากขึ้น เช่น ขี้ผึ้ง การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นประจำจะช่วยให้ผิวของคุณแก่ลงช้าลง ซึ่งหมายความว่าเมื่ออายุมากขึ้น แต่ผิวพรรณยังคงอยู่สภาพเดิม 

การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมกับผิวหน้า 

การที่เราไปเลือกซื้อช็อปปิ้งครีมทาผิวหน้า มอยเจอร์ไรเซอร์ตามห้างหรือเคาเตอร์แบรนด์ต่างๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีตัวเลือกมากมายที่มาในรูปแบบที่แตกต่างกันรวมถึงโลชั่น ครีม ขี้ผึ้ง และบาล์ม ซึ่งมักจะจัดแยกออกตามสภาพผิวของแต่ละคน ดังนั้นจึงควรมองหาป้ายที่ระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแห้ง ผิวปกติ ผิวมัน หรือผิวผสม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์บางประเภทอาจมีส่วนผสมของครีมกันแดดไปในตัวอีกด้วย 

การลงทุนเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีเป็นสิ่งจําเป็น ให้เริ่มจากการพิจารณาสภาพผิวของคุณเพื่อดูว่ามอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทใดที่ควรมองหา 

ผิวธรรมดาและผิวผสม – สภาพผิวนี้เหมาะกับมอยเจอร์ไรเซอร์สูตรน้ำ เพราะมีน้ำหนักที่เบากว่า 

ผิวแห้ง – ต้องใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เป็นเนื้อครีม หรือเป็นสูตรเข้มข้นกว่า 

ผิวมัน – เหมือนผิวปกติและผิวผสม ควรมุ่งเน้นไปที่มอยเจอร์ไรเซอร์สูตรน้ำเพื่อไม่ให้อุดตันผิว 

ผิวบอบบาง – ควรยึดติดกับมอยเจอร์ไรเซอร์ที่อุดมด้วยส่วนผสมที่ผ่อนคลายผิวพร้อมปลอบประโลมผิวที่แพ้ง่าย 

พื้นฐานผิวก็ยังเป็นปัจจัยอีกข้อที่สําคัญ สำหรับสภาพผิวปกติ, ผิวผสม, ผิวมัน และผิวบอบบาง ถ้าจะได้ผลดีที่สุด ควรใช้มอยเจอร์ไรซ์เซอร์สูตรที่ไม่ทำให้หน้ามันวาวเพิ่มขึ้น, ในขณะที่ผิวแห้งจะได้รับประโยชน์จากครีมที่เนื้อหนักกว่าหรือมอยเจอร์ไรเซอร์น้ำมันที่สามารถช่วยล็อคในความชื้นไว้ได้

ปัญหาของน้ำหอมก็เป็นเรื่องที่ควรระวัง เนื่องจากมอยส์เจอไรเซอร์บํารุงผิวหน้าที่ทาบริเวณจมูก จึงต้องพิจารณาว่าคุณสามารถทนกลิ่นของผลิตภัณฑ์นั้นได้หรือไม่ แม้แต่ส่วนผสมจากธรรมชาติบางชนิดก็สามารถมีกลิ่นแรงซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสําหรับบางคนที่จะรับได้ ดังนั้นอย่าลืมทําการทดสอบการดมกลิ่นก่อนตัดสินใจซื้อ รวมถึงผู้ที่มีผิวบอบบางควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอมและเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย โดยแพทย์ผิวหนังแนะนําให้ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์กับครีมกันแดดเสมอ อย่างน้อย SPF 30 จะช่วยป้องกันผลกระทบจากรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความแห้งกร้านและริ้วรอยเท่านั้น แต่ยังทําให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังอีกด้วย หากคุณมีสภาพผิวที่มีปัญหา เช่น จุดด่างดํา สิว หรือผิวหยาบกร้าน ลองหาสินค้าที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ ที่อุดมไปด้วยส่วนผสมอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้ช่วยบรรเทาปัญหาผิวนั้นๆ อย่างไรก็ตามก่อนใช้สินค้าควรจะมีการทดสอบการแพ้บนผิวหนังก่อนใช้

การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์สําหรับผิวแห้ง ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าสภาพผิวแห้งนั้นต้องการมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เนื้อครีมมีน้ำหนักมากกว่า ซึ่งสามารถช่วยล็อคความชุ่มชื้นและลดปริมาณเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่ผลิตได้ มอยเจอร์ไรเซอร์ของคุณควรมี humectant ที่จะช่วยดึงความชื้นเข้าสู่ชั้นผิวที่ลึกขึ้น พร้อมช่วยคงความชุ่งชื้นบนผิวชั้นบนสุด ส่วนผสม humectant ที่ดีที่สุด ได้แก่กรดไฮยาลูโรนิก, กรดแลคติก, และซอร์บิทอล. 

มอยเจอร์ไรเซอร์สําหรับผิวแห้งควรมีส่วนผสมของสารสกัดที่ช่วยต่อต้านการสูญเสียความชุ่มชื้น เช่น ลาโนลินและปิโตรลาตัม นอกจากนี้ยังควรมีส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่วยเติมเต็มรอยแตกบนผิวที่เกิดจากความแห้งกร้าน ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน ทําให้ผิวดูนุ่มนวลและมีสุขภาพดีขึ้น ส่วนผสมที่ดีที่ทําให้ผิวนวลเนียน ได้แก่ มะพร้าวและน้ํามันปาล์ม ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้สามารถเข้ากันได้ดีกับสารสกัดหลักของมอยเจอร์ไรเซอร์ด้วย

มอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีที่สุดกับผิวแห้ง

ขอแนะนำ อินทูเมดี้ ไฟทอนไซด์ เดอร์มา ครีม ที่เหมาะสำหรับผิวแห้ง และยังสามารถใช้ได้ดีกับผิวบอบบางแพ้ง่าย เพราะเป็นสูตรที่สกัดมาจาก Phytocide และ Aquaporin ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการให้ความชุ่มชื้นกับเซลล์ผิว

[/et_pb_text][/et_pb_column][/et_pb_row][/et_pb_section]