[et_pb_section fb_built=”1″ _builder_version=”4.10.7″ _module_preset=”default” custom_padding=”4px|||||” global_colors_info=”{}”][et_pb_row _builder_version=”4.10.7″ _module_preset=”default” global_colors_info=”{}”][et_pb_column type=”4_4″ _builder_version=”4.10.7″ _module_preset=”default” global_colors_info=”{}”][et_pb_text _builder_version=”4.10.7″ _module_preset=”default” global_colors_info=”{}”]

เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังสับสนว่าแท้จริงแล้ว อาการผิวขาดน้ำ ต้องมีลักษณะอย่างไร ? ยิ่งคนที่ผิวแห้งก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผิวขาดน้ำเหมือนกันหมด และอาการผิวมันก็ไม่ใช่เครื่องยืนยันว่าผิวของคุณไม่ต้องการความชุ่มชื้นแล้วเช่นกัน วันนี้เราจึงมีวิธีเช็คสัญญานของผิวขาดน้ำมาฝากค่ะ ลองดูนะคะว่าอาการผิวขาดน้ำของแต่ละสภาพผิวนั้นเป็นอย่างไร

ผิวขาดน้ำ ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผิวที่ขาดความชุ่มชื่นนั่นเองค่ะ ซึ่งก็สามารถเกิดได้กับทุกสภาพผิว และเกิดได้ทุกช่วงฤดูโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าร้อน เพราะความร้อนจะทำให้ผิวพยายามระบายน้ำใต้ชั้นผิวให้ออกมาผ่านทางรูขุมขน จนความชุ่มชื้นในผิวลดลง จากนั้นต่อมไขมันในหน้าก็จะพยายามสร้างน้ำมันขึ้นมาทดแทน จนกลายเป็นหน้ามันแต่ผิวขาดน้ำนั่นเอง สังเกตได้ง่ายๆ คือ ผิวมีลักษณะมันเยิ้ม มีน้ำมันเคลือบผิวอยู่มาก แต่เมื่อสัมผัสไปที่ผิวจะรู้สึกได้ถึงความแห้งกร้าน ผิวสาก มีริ้วรอย และใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใสเรียบเนียน แถมเมคอัพหลุดง่าย ทาแป้งแล้วไม่ติดผิวอีกด้วย

[/et_pb_text][et_pb_image src=”https://yeowang.co/wp-content/uploads/2021/12/인투메디-18.jpg” title_text=”인투메디 18″ _builder_version=”4.10.7″ _module_preset=”default” global_colors_info=”{}”][/et_pb_image][et_pb_text _builder_version=”4.14.7″ _module_preset=”default” hover_enabled=”0″ global_colors_info=”{}” sticky_enabled=”0″]

เมื่อสาวๆ ผิวผสม-ผิวมัน เกิดอาการผิวขาดน้ำ 

ข้อสังเกตง่ายๆ ก็คือ หากเป็นผิวผสม หน้าจะมีความมันเยอะเป็นพิเศษช่วงที-โซน (บริเวณหน้าผาก จมูก และคาง) ส่วนบริเวณอื่นที่ไม่ใช่ที-โซน ก็อาจจะมีอาการผิวลอกเป็นขุย บางครั้งอาจเกิดสิวอักเสบขึ้นร่วมด้วย เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีลักษณะแห้ง อ่อนแอเพราะขาดความชุ่มชื้น 

ส่วนผิวมันที่ขาดน้ำ ก็จะเป็นลักษณะผิวที่มีน้ำมันอยู่บนใบหน้ามากแต่ก็มีความแห้งกร้าน รู้สึกตึงผิว ซึ่งอาจก่อให้เกิดเป็นริ้วรอยและความหมองคล้ำบนใบหน้ามาก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการที่ผิวขาดความชุ่มชื่นให้ผิวหน้า ทำให้ต่อมไขมันเร่งสร้างน้ำมันขึ้นมาให้มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่หายไป จนทำให้ผิวขาดน้ำนั่นเองค่ะ ซึ่งสาเหตุก็อาจมาจากการล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือการเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่มีความเป็นด่างสูงจนทำให้ผิวหน้าแห้งตึง เป็นต้น

เมื่อสาวๆ ผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย เกิดอาการผิวขาดน้ำ 

จะมีอาการคล้าย ๆ กันคือ มีน้ำมันมาเคลือบอยู่บนผิวหน้า แต่จะไม่มากเท่าคนผิวมันและผิวผสม แต่จะมีอาการแห้งกร้าน ผิวหยาบ ผิวหลุดลอก และผิวอักเสบแดงคันได้มากกว่า

วิธีการดูแลผิวขาดน้ำ

  1. เน้นเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง (Dermatologist Tested) และมีคุณสมบัติเติมน้ำให้ผิวหน้า ซึ่งจะมีส่วนประกอบที่เป็นความชุ่มชื้นที่ได้จากธรรมชาติ เช่น ไฮยาลูรอน (Hyaluronic Acid) ซึ่งมีหน้าที่หลัก คือ ช่วยให้ผิวสามารถดูดซับน้ำได้มาก พร้อมกับเติมความชุ่มชื้นและเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ทันที ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู นุ่ม ชุ่มชื้น ริ้วรอยดูลดเลือน และสุขภาพผิวดีขึ้น
  2. ดูแลผิวให้มากเป็นพิเศษด้วยการมาส์กหน้า เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้มากยิ่งขึ้น
  3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อชดเชยน้ำที่ขาดหายไปในโครงสร้างเซลล์ผิว

[/et_pb_text][/et_pb_column][/et_pb_row][/et_pb_section]