
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ช่างแต่งหน้าและบล็อกเกอร์ด้านความงามหลายคนได้นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับกิจวัตรการดูแลผิว 10 ขั้นตอนของเกาหลี และวิธีที่จะช่วยให้ได้งานผิวแบบ Glass Skin หรือ ‘ผิวกระจก’ ที่คนเกาหลีขึ้นชื่อ หรือที่จะเรียกว่า ‘ผิวใสฉ่ำวาวราวกระจก’ ซึ่งจะทำให้ดูอ่อนกว่าวัยหลายปี
สูตรนี้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการดูแลผิวของสาวเกาหลีมาช้านานแล้ว แต่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก เนื่องจากผู้คนจำนวนมากขึ้นพยายามทำให้ผิวตัวเองดูสวยมีมิติน่าดึงดูดยิ่งขึ้น แม้ไม่แต่งหน้า
อย่างไรก็ตาม สำหรับหลาย ๆ คนแล้ว 10 ขั้นตอนอาจรู้สึกเหมือนมาก หากต้องทำวันละสองครั้ง ในความเป็นจริง ชาวเกาหลีใต้จะใช้ขั้นตอนให้น้อยลงในแต่ละวัน โดยการผสมผสานวิธีที่แนะนำนี้ให้มากที่สุด จะช่วยในการบำรุงผิวให้ดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ดังนั้นในฐานะมือใหม่ ไม่ว่าจะเป็น 5 หรือ 7 ขั้นตอน ก็สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ มาดูกันว่า 10 ขั้นตอนที่ต้องทำเพื่อให้ได้มาซึ่งผิวใสฉ่ำโกลว์ราวกระจกมีอะไรบ้าง
1. คลีนเซอร์สูตรออยล์
ขั้นตอนแรกในการดูแลผิวพรรณด้วยสกินแคร์เกาหลี คือ การใช้ออยล์คลีนเซอร์เพื่อขจัดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกต่าง ๆ บนใบหน้า เพราะคลีนเซอร์สูตรออยล์ สามารถขจัดสิ่งสกปรกที่เป็นน้ำมันได้ดีกว่าคลีนเซอร์สูตรน้ำ
จะพบว่าทั้งเมคอัพ มอยส์เจอไรเซอร์ ครีมกันแดด และความมันบนใบหน้าที่เกิดตามธรรมชาติ ล้วนมีน้ำมันผสมอยู่ ดังนั้นคลีนเซอร์สูตรออยล์จึงทำความสะอาดได้ดีที่สุด นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลักจะไม่ดึงความมันธรรมชาติออกจากผิว และไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
เพียงใช้คลีนเซอร์ในปริมาณเล็กน้อยถูเบา ๆ บนผิว โดยนวดถูเป็นวงกลม ไม่เพียงแต่ช่วยขจัดสิ่งสกปรกเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนังเพื่อการบำรุงภายในที่ดียิ่งขึ้น ทำเช่นนี้ประมาณ 2–3 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
2. คลีนเซอร์สูตรน้ำ
การทำความสะอาดครั้งที่สองนี้ จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างหรือฝังแน่นเช่น เหงื่อ และสิ่งสกปรกจากน้ำมันอื่น ๆ หลังจากใช้คลีนเซอร์สูตรออยล์แล้ว ให้เลือกใช้คลีนเซอร์ทำความสะอาดที่ปรับสมดุลค่า pH ที่อ่อนโยนต่อผิว และอุดมด้วยน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติซึ่งจะไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
คลีนเซอร์สูตรน้ำ สามารถพบทั้งในรูปแบบของเหลวหรือแบบแท่ง ซึ่งแบบแท่งนั้น เมื่อนำมาถูบนฝ่ามือที่เปียกจะทำให้เกิดฟอง สามารถใช้ปริมาณเล็กน้อย โดยถูฝ่ามือเข้าด้วยกัน จากนั้นนวดเบา ๆ ให้โฟมซึมเข้าสู่ผิวก่อนล้างออกด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง
3. ขัดผิว
หลังจากทำความสะอาดผิวแล้ว ก็ถึงเวลากำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่ยังคงเกาะติดอยู่ การขัดผิวอย่างอ่อนโยนจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายและเผยให้เห็นผิวที่สว่างและกระชับยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผิวเรียบเนียนและปรับโทนสีผิวได้อีกด้วย
การใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในการขัดผิว เช่น สครับ เปลือกผลไม้ แผ่นเช็ดหน้า ควรใช้อย่างเบามือเพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายผิว เป็นขั้นตอนที่ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน สามารถเริ่มจากสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้ง โดยใช้ปริมาณเล็กน้อยบนฝ่ามือแล้วถูผิวเบา ๆ เป็นวงกลมเป็นเวลาหนึ่งหรือสองนาที แล้วล้างออก
4. โทนเนอร์
โทนเนอร์เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในการทำความสะอาดที่ช่วยคืนความสมดุลของค่า pH ของผิว ช่วยขจัดสารตกค้างหลังการใช้คลีนเซอร์ทำความสะอาดหน้า และเพื่อเตรียมผิวให้รับการบำรุงด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ในขั้นตอนต่อไป ข้อควรระวังคือ โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มักจะดึงน้ำมันตามธรรมชาติออกจากผิวและอาจทำให้รู้สึกแห้งและตึง ดังนั้นผู้ที่มีผิวแห้ง บอบบาง และแพ้ง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงโทนเนอร์ที่มีแอลกอฮอล์
การเลือกโทนเนอร์ที่เข้มข้นซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้กันก็จะเป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมว่านหางจระเข้และก้านชะเอม เพราะจะช่วยปรับผิวและให้ความชุ่มชื้น
วิธีใช้ หยดโทนเนอร์ลงบนสำลีแล้วเช็ดหรือตบเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า หากไม่มีสำลีแผ่น ให้ใช้มือลูบไล้เบา ๆ บนผิวหน้า ใช้เป็นประจำหลังล้างหน้าทำความสะอาด
5. เอสเซ้นส์
เอสเซ้นส์เป็นผลิตภัณฑ์เกาหลีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งใช้ในการเริ่มต้นกระบวนการให้ความชุ่มชื้น ส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมที่ช่วยรักษาผิวและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว เป็นเหมือนมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบาพร้อมส่วนผสมเข้มข้นที่ช่วยในเรื่องความชุ่มชื้น ปรับโทนสีผิวให้เรียบเนียน และต่อต้านริ้วรอย ส่วนผสมที่ควรมองหาในผลิตภัณฑ์เอสเซ้นส์ ได้แก่ กรดไฮยาลูโรนิก สารสกัดจากข้าว และน้ำสกัดจากต้นเบิร์ช
วิธีใช้ หยดเอสเซนส์ 2–3 หยดลงบนปลายนิ้ว แตะผลิตภัณฑ์เบา ๆ บนใบหน้าและลำคอ ใช้เป็นประจำทุกวัน
6. ทรีทเมนท์
คนส่วนใหญ่อาจมีปัญหาผิวที่ต้องได้รับการบำรุงแบบเฉพาะจุด ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง สิว ริ้วรอย รอยดำ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ คนเกาหลีนิยมใช้ทรีทเมนท์เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและมีส่วนผสมที่ออกฤทธิ์เข้มข้น และถึงแม้ว่าบางคนอาจจะมีผิวที่สุขภาพแข็งแรงอยู่แล้ว การทำทรีทเมนท์นี้ก็จะช่วยให้ผิวคงสุขภาพดียิ่งขึ้นไปได้
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักถูกเรียกว่าเซรั่มเกาหลี แอมพูล หรือบูสเตอร์ ซึ่งควรตรวจสอบให้ดีก่อนใช้ว่าเหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลหรือไม่
หากมีปัญหาผิวเฉพาะจุด การใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วใบหน้าอาจจะไม่จำเป็นมากนัก เพียงเน้นบริเวณเฉพาะที่มีปัญหาและแตะผลิตภัณฑ์นั้นๆ เข้าสู่ผิวที่ต้องการก็เพียงพอแล้ว

7. แผ่นมาส์ก
นี่เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ความงามที่ไม่เหมือนใครของเกาหลี การบำรุงผิวสวยด้วยแผ่นมาส์กหน้า ซึ่งเป็นกระดาษที่แช่ในเซรั่มเข้มข้น ซึ่งมีส่วนผสมรวมถึงวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผิว เพื่อช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ดังนั้นหลังการใช้ จะรู้สึกว่าผิวอ่อนนุ่มและเรียบเนียนขึ้น
การใช้แผ่นมาส์กหน้า คือ การวางแผ่นมาส์กไว้บนใบหน้าเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ผิวหน้าดูดซึมส่วนผสมและความชุ่มชื้นได้เต็มที่ ซึ่งจะดีต่อผิว และเป็นขั้นตอนลัดในการบำรุงผิวก่อนออกงาน เพื่อไม่ให้ผิวหน้าดูอ่อนล้า และไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน
ส่วนใหญ่แล้วแผ่นมาสก์หน้าจะมาในขนาดมาตรฐานเพื่อให้พอดีกับรูปร่างของใบหน้าทุกขนาด เพียงใช้มาส์กหลังจากทำความสะอาดหน้าแล้ว เกลี่ยแผ่นมาส์กเบา ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าติดแน่นพอดีกับใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20–30 นาทีก่อนลอกออก
8. ครีมบำรุงรอบดวงตา
สัญญาณแรกของริ้วรอย มักจะบ่งบอกที่บริเวณรอบดวงตา เพราะเป็นบริเวณผิวที่บอบบาง และเป็นที่แรกที่จะแสดงริ้วรอย ร่องลึก รอยย่น รอยบวม และความหมองคล้ำที่มาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น เราสามารถป้องกันริ้วรอยพวกนี้ได้โดยการใช้ครีมบำรุงรอบดวงตาที่ให้ความชุ่มชื้น จะช่วยทำให้ผิวบริเวณนี้เรียบเนียนขึ้นและได้โทนสีผิวที่สม่ำเสมอยิ่งขึ้นด้วย เพราะครีมบำรุงรอบดวงตาจะช่วยปกป้องผิวที่บางมาก คือผิวรอบดวงตาที่เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยมากที่สุด
ครีมบำรุงรอบดวงตาอาจมาในรูปแบบของครีม เจล และน้ำมัน มีส่วนผสมเข้มข้นที่ดีต่อผิว เช่น โสมและน้ำผึ้ง ที่สามารถช่วยปลอบประโลมผิวบริเวณนั้นและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว การใช้ครีมบำรุงรอบดวงตานั้นก็เพื่อป้องกันมากกว่าการรักษา ดังนั้นยิ่งเริ่มใช้เร็วเท่าไหร่ โอกาสที่จะป้องกันการเกิดสัญญาณแห่งวัยก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
วิธีใช้ ใช้นิ้วก้อยแตะผลิตภัณฑ์แล้วทารอบดวงตาเบา ๆ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เข้าตา
9. มอยเจอร์ไรเซอร์
ขั้นตอนนี้เป็นมากกว่าการให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า แต่ยังช่วยกักเก็บขั้นตอนการบำรุงสกินแคร์ต่าง ๆ ที่ใช้ก่อนหน้านี้เอาไว้ เพื่อให้ส่วนผสมได้ซึมซับเข้าผิว การให้ความชุ่มชื้นยังช่วยให้เซลล์ผิวเต่งตึงขึ้นและทำให้ผิวเรียบเนียนด้วย
ในปัจจุบัน มีมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เลือกมากมายหลายประเภทตามท้องตลาด สามารถหาได้ทั้งในรูปแบบโลชั่น ครีม เจล อิมัลชั่น และมาสก์ที่มีมอยเจอร์ไรเซอร์ได้ทั่วไป และควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล สำหรับคนที่มีผิวแห้ง ครีมเนื้อเข้มข้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้ได้ดีกว่า ส่วนคนที่มีผิวมัน ให้เลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของโลชั่นที่บางเบาเช่น เจล
วิธีใช้ ค่อย ๆ ทามอยเจอร์ไรเซอร์ให้ทั่วใบหน้าและลำคอ วันละ 2 ครั้ง ทุกเช้าและก่อนนอน
10. ครีมกันแดด
เนื่องจากทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก จะมีความเสี่ยงต่อ รังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อผิว หรือแม้กระทั่งเวลาที่เราอยู่ในร่มก็ยีงสามารถเจอรังสี UV จากแสงไฟได้เช่นกัน ดังนั้นครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะการสัมผัสกับรังสียูวีไม่เพียงแต่กระตุ้นให้ผิวหนังแก่ก่อนวัย แต่ยังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย ควรใช้ครีมกันแดดเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการดูแลผิว
แม้ว่าเครื่องสำอางบางประเภทจะมีส่วนผสมของครีมกันแดดอยู่ในตัว แต่ก็ควรที่จะทาครีมกันแดดเสริมเป็นประจำ โดยเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
วิธีใช้ ค่อย ๆ ลูบไล้ครีมกันแดดให้ทั่วบริเวณใบหน้า คอและใต้คางด้วย เป็นประจำทุกวัน
บทสรุป
สำหรับมือใหม่ อาจไม่สามารถทำตามได้ทั้งหมดทุกขั้นตอน แต่คุณอาจเพิ่มความใส่ใจในบางขั้นตอนเพื่อเน้นการแก้ปัญหาผิวเฉพาะส่วนที่เหมาะกับคุณก็ได้
เพราะไม่เพียงแต่จะต้องใช้เวลามากแล้ว เมื่อคำนึงถึงผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่ต้องซื้อ รวมกันแล้วก็อาจมีราคาแพง วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นคือการมุ่งเน้นไปที่ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ซึ่งได้แก่:
- คลีนเซอร์สูตรออยล์
- คลีนเซอร์สูตรน้ำ
- โทนเนอร์
- มอยส์เจอไรเซอร์
- ครีมกันแดด